เปิดเวบเมื่อ |
10/08/2549 |
ปรับปรุงเวบเมื่อ |
09/04/2564 |
ผู้ชมทั้งหมด |
|
|
สินค้าทั้งหมด |
86 |
|
|
|
|
บทความ
แ ด่ ลู ก ที่ ไ ป ทำ ง า น แ ด น ไ ก ล (อ่าน 10351/ตอบ 0) เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของลุกผู้ชายคนหนึ่งที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแม้เขาจะเติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ
>> >ความรู้เพิ่มมากขึ้น >> >โลกใบนี้เริ่มเล็กลงแต่พ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม(ในเมืองจีน)ก็เริ่มแก่ตัวลง >> > >> >ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ >> >ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย >>โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด >> >เลยได้คุยสดกันบ้าง ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเอง >> >ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ >> >เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง...ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ >> >เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามากจนกระทั่งปีนี้ แม่อายุ 75 >> >เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน >> >จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว >> >พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง >>2 >> >เดือนเศษแม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูกแม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม
>> >แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่... >> >สำหรับคนอายุ 75เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย >> > >> >พอกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบิน >>เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง >> >แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้ง >> >หน้าตาเหี่ยวย่นช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย.. >> > >> >แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ >> >โดยที่หาทราบไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว >> >และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ บางจานก็เค็มจัด >> >บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนาทั้งหยาบ >> >ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว >> >แต่เขาก็ไม่บ่นอะไร >> >เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ >> > >> >สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ >>จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก >> >แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่นสอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10 >> >กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า >> >ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้วแม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม >> > >> > >> >เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา >> >อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม >> >ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด >> >ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน >> >แม่ก็โวยวายว่าแม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย >> >ผมเลยพูดไม่ออกพอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย ทำเอาวันนั้นทั้งวัน >> >พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย... >> > >> >พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน >> >ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว >> >แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง... >>ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ >> >ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ >> >และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้นแต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ พอผมขัดแม่ >> >แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จา ในตามีแววเหม่อลอย >> >โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ >> > >> >ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ >> >แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมาในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก >> >แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก >> >ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ >> >ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา แม่พูดอยู่เสมอว่า >> >อยู่นอกบ้านนอกเมืองต้องระวังตัวให้มากๆ >> >ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน >>มีการปะทะกันด้วย >> >แม่เป็นห่วงมาก >> >ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไรตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น >> > >> > >> >แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบากวางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง >> >มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจเพราะผมไม่อยากนำกลับไป >> >มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก >> >แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย >> >อ่านได้วันละ 2 หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้ >> >ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา >> >แม่รีบเอื้อมไปหยิบแต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม >> >แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง >> > >> >ผมรู้สึกเอะใจ เลยถามว่า แม่ นั่นกระดาษอะไร >> >ขอผมดูหน่อยนะแม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง >> >จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้นแล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที >> > >> > >> >ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า >>เมื่อฉันแก่ตัวลง >> >ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ >>6 ธันวาคม 2004 >> >เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกทีบทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก >> >ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นทันที ... >> > >> > >> > >> >เมื่อฉันแก่ตัวลง.....ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน >> >มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด >> > >> >ถ้าฉันทำน้ำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง....ถ้าฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า >> >ขอให้คิดถึงตอนเธอเด็กๆ...ที่ฉันสอนเธอหัดทำทุกอย่าง >> > >> > >> >ถ้าฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ
.ขอให้อดทนสักนิด >> >อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย >> > >> >ถ้าฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ >> >ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆได้ไหม >> >ฉันต้องทั้งกอดทั้งปลอบเพื่อให้....เธอยอมอาบน้ำ >> > >> > >> >ถ้าฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆโปรดอย่าหัวเราะเยาะฉัน
. >> >จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม >> >ทำไม >>ทำไมทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม >> > >> > >> > >> >ถ้าฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว >> >ขอ....จงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน >> >เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ >> > >> > >> > >> >หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่โปรดให้เวลาฉันคิดสักนิด >> >ที่จริงสำหรับฉันแล้ว.....กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญหรอก >> >ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน.....ฉันก็พอใจแล้ว >> > >> > >> > >> >ตอนนี้ถ้าเธอเห็นฉันแก่ตัวลง...ไม่ต้องเสียใจ...ขอให้เข้าใจฉัน....สนับสนุนฉัน >> >ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอนเธอเพิ่งเรียนรู้อะไรใหม่ๆ >> > >> > >> >ในตอนนั้น....ฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต >> >ตอนนี้....ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทางของชีวิต
>> >โปรด....ให้ความรักและความอดทนต่อ....ฉัน >> > >> > >> > >> >ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ... >> >ในแววตาอันฝ้าฟางของฉัน...มีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ >> >ของฉันที่มีให้กับ. >>.........เธอ >> > >> > >> >ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที.... เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ >> >ตอนนั้นแม่เดินออกมา >> >ผมแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนี้หลังจากผมกลับไปแล้วจึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป
>> >ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง >> >ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว >> >จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้รู้สึกแม่จะดีใจมากเหมือนกับว่าหนังสือพิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภสำหรับผมและเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับหนังสือพิมพ์เหล่านั้นผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่งแม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยที่เดียว
>> > >> > >> >หนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ >> >เมื่อฉันแก่ตัวลง บทนั้น ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบ เอาไว้ข้างตัวฉันตลอดไป >> > >> >ตอนนี้ ผมขออุทิศบทความนี้ >> >ให้กับลูกๆทั้งที่พเนจรและไม่ได้พเนจรทั้งหลาย...ถ้ามีเวลาว่างก็แวะไปหาท่าน >> >หรือไม่ก็โทรไปหาท่านบ้าง >>บอกท่านว่าคุณอยากกินอาหารที่ท่านทำเสมอ.... >> >ท่านไม่ได้ต้องการอะไรจากเรามากไปกว่า...แค่ได้รับรู้ว่า >> >เราสุขสบายดี..ถ้าหากเราไม่สามารถไปเยี่ยมท่านได้....ตอนคุยโทรศัพท์กับท่าน...โปรดยิ้มให้ กว้างๆและยิ้มบ่อยๆ...แม้ท่านจะมองไม่เห็น..แต่ท่านจะรู้สึกได้...... |
|
|
|